วันจันทร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2558

4 ไอเดียหาเงินผ่อน...ค่าเทอมลูก

            ใกล้เปิดเทอมผู้ปกครองหลายคนคงหัวหมุนวิ่งหาเงินมาจ่ายทั้งค่าเทอม ค่าชุดเสื้อผ้านักเรียนนักศึกษา  อุปกรณ์การเรียน ค่าใช้จ่ายจิปะถะ   รวมถึงผู้ที่ทำงานแล้วอาจจะหาโอกาสที่จะเพิ่มพูนความรู้ด้วยการศึกษาต่อ  แต่เป็นโรคทรัพย์จาง วันนี้อยากนำเสนอลู่ทางแหล่งเงินดีๆเพื่อนำเงินมาจ่ายค่าเทอมกันค่ะ

            1.กู้เงินกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 
            ปัจจุบัน กยศ. สนับสนุนค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษา และ ค่าครองชีพ แก่นักเรียน นักศึกษาที่มีความจำเป็นตั้งแต่ระดับมัธยมปลายสายสามัญและสายอาชีพ อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา โดยไม่คิดดอกเบี้ยระหว่างศึกษาอยู่ และจะต้องชำระเงินคืนหลังจากจบการศึกษาแล้ว 2 ปี โดยกองทุนฯ จะคิดอัตราดอกเบี้ย 1 %  ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระคืนทั้งสิ้นไม่เกิน 15 ปี  วงเงินกู้ยืม1.4 หมื่นบาท -2แสนบาท
          2. พึ่งโรงรับจำนำ  
            อีกหนึ่งวิธีแปลงทรัพย์สินให้เป็นเงินค่าเทอมยอดนิยม คือ เข้าโรงรับจำนำ โดยทั่วไปโรงรับจำนำคิดอัตราดอกเบี้ย1.25 % ต่อเดือน หรือดอกเบี้ย15% ต่อปี       ล่าสุดโรงรับจำนำกทม.จัดโครงการลดดอกเบี้ยเพื่อช่วยเหลือผู้ปกครอง นิสิต นักศึกษา ที่จำเป็นต้องใช้เงินในช่วงเปิดเทอม เป็นค่าอุปกรณ์การเรียน และค่าเทอม โดยคิดดอกเบี้ยสำหรับผู้ปกครอง นักเรียน นิสิต นักศึกษา ในอัตรา0.50 % ต่อเดือน  ซึ่งจะเริ่มโครงการลดดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.-31 พ.ค. 58 รวมระยะเวลา 2 เดือน รายละไม่เกิน 7 หมื่นบาท  โดยต้องมีเอกสารประกอบการใช้สิทธิในวันมาจำนำ ส่งดอกหรือไถ่ถอน ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวนักเรียนนิสิต นักศึกษา เอกสาร
            ส่วนโรงรับจำนำของรัฐ  เงินต้นไม่เกิน 5,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ย  0.25 % ต่อเดือน   เงินต้นมากกว่า 5,001 แต่ไม่เกิน 25,000 บาท คิดดอกเบี้ย 0.75 %ต่อเดือน    เงินต้นมากกว่า 25,001 แต่ไม่เกิน 100,000 บาท คิดดอกเบี้ย 1%  ต่อเดือน 
            3.รูดบัตรเครดิตจ่ายค่าเทอม  
            ปัจจุบัน สถบันศึกษาเอกชนหลายแห่งเริ่มเปิดให้มีการให้ชำระค่าเล่าเรียนด้วยบัตรเครดิตได้ รวมทั้งออกบัตรให้ผ่อนชำระได้  0%  นาน 3-6  เดือน ซึ่งจะทำให้ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายบ้าง แต่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเพราะสถาบันการศึกษาบางแห่งก็คิดค่าธรรมเนียมการรูดบัตรเครดิตด้วย
            4.ขอสินเชื่อจากธนาคาร  
            ทุกวันนี้ ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งมีสินเชื่อเพื่อการศึกษาให้เรากู้ยืมได้  แต่ก็ต้องมีบุคคลค้ำประกัน หรือมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน    เช่น ธนาคารกสิกรไทย สินเชื่อบุคคลเพื่อการศึกษากสิกรไทย  ให้เงินกู้เพื่อการศึกษาต่อระดับปริญญาตรี -ปริญญาเอก ทั้งในประเทศไทย โดยให้เงินกู้ 80% ของค่าใช้จ่ายแต่ละหลักสูตร สูงสุดไม่เกิน 7.5 แสนบาท   ระยะเวลาผ่อน 5-7 ปี  ธนาคารกรุงไทย สินเชื่อเพื่อการศึกษาต่างประเทศ  อัตราดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์บวก3 % ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 10 ปี เป็นต้น


            สุดท้ายนี้ ขอเป็นกำลังใจให้ผู้ปกครองและผู้ที่กำลังจะหาเงินกู้เพื่อศึกษาต่อ เพื่ออนาคตที่ดีขึ้น  เพราะการเรียน และการศึกษาเป็นการลงทุนกับตัวเองที่ดีที่สุด




            ขอบคุณข้อมูลดีๆจากคอลัมน์แม่ไม้การเงิน นสพ.โพสต์ทูเดย์ โดยชัตน์วรี 

คิดให้ดี!ก่อนออมเงินผ่านบัตรเครดิต

            

              ใครเคยรับโทรศัพท์แจ้งข้อเสนอจากบัตรเครดิตทำนองนี้บ้างค่ะ
            “ สวัสดีค่ะ คุณเป็นลูกค้าพิเศษที่ได้รับการคัดเลือกจากบัตรเครดิต..... เข้าโครงการออมพิเศษ จ่ายผลตอบ แทนสูง โดยที่คุณไม่ต้องฝากเงิน  เพียงแค่ออมเงินผ่านบัตรเครดิตแค่เดือนละ ....เท่านั้น ”
             คุ้นๆใช่ไหมคะ บางคนเจอไม้นี้หว่านล้อมเข้าไป อาจจจะหลงเคลิ้มกับข้อเสนอผลตอบแทนที่ทำให้ตาโต                    แต่รู้หรือไม่คะว่า นี่ไม่ใช่การออมเงินฝากกับธนาคารพาณิชย์หรือออมเงินกับบัตรเครดิต แต่เป็นการซื้อประกันชีวิตแบบออมทรัพย์ ที่พนักงานแจ้งไม่หมด ว่าเป็นการซื้อประกัน และที่บอกว่าไม่ต้องจ่ายเงินฝาก แต่แท้ที่จริงคุณจ่ายชำระในรูปค่าบัตรเครดิตต่างหากค่ะ
            กลยุทธ์ของการนำเสนอ พนักงานจะพยายามกดดันให้คุณรีบตัดสินใจเร็วๆ ว่าโครงการนี่พิเศษจริงๆ มีระยะเวลาจำกัด ต้องตัดสินใจภายใน วันนี้ หรือสิ้นเดือนนี้เท่านั้น ถ้าคุณตัดสินใจไปแล้ว บริษัทประกันชีวิตก็จะตัดเงินจากบัตรเครดิตทุกๆเดือนเพื่อที่จะจ่ายเป็นเบี้ยประกัน
            ตัวอย่างเช่น ข้อเสนอทำนองว่า คุณเพียงแต่มีบัตรเครดิต และสมัครออมขั้นต่ำผ่านบัตรเครดิตของคุณ เพียงเดือนละ 3,000 บาท โดยที่คุณไม่ต้องจ่ายเงินฝาก สิ้นปีที่ 2 จะได้รับผลตอบแทน 10% คือ 3,600 บาท และจะรับแบบนี้ไปตลอด คือออมทุกเดือน ได้รับ 3,600 ต่อปี โดยให้ออมได้สูงสุด 7 ปี แต่ยกเลิกก่อนก็ได้  ถ้าออมต่อ ตั้งแต่ปีที่ 8 จะได้รับผลตอบแทน 15% คือ 5,400 บาทต่อปี บวกกับผลกำไรจากบริษัทซึ่งแล้วแต่ ผลประกอบการ แต่เฉลี่ยที่ 4% ให้ออมต่อได้มากสุด 15 ปี สรุปแล้วจะได้ผลตอบแทน 266% และผลตอบแทนทั้งหมด ไม่เสียภาษี ทำให้เราเคลิ้มๆ ตาโตกับผลตอบแทนก้อนโต
            จริงๆ แล้ว ข้อดี การซื้อประกัน หรือการออมเงินผ่านบัตรเครดิต เป็นการสร้างวินัยการเงินรูปแบบหนึ่ง แต่ก็ต้องพิจารณาว่าคุณมีกำลังพอที่จะส่งเงินเพื่อการออมได้ระยะยาวหรือไม่ ถ้าได้ก็ถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ดี แต่ต้องระวังถ้าจ่ายชำระผ่านบัตรเครดิตไม่ตรงตามกำหนดก็จะต้องเสียดอกเบี้ย 28 % เมื่อคำนวนผลตอบแทนแล้วติดลบแน่ๆ  และถ้ายกเลิกไม่สามารถผ่อนได้ตามระยะเวลาที่กำหนดคือ 15 ปี ขอเงินคืนก่อน หรือที่เรียกกันว่าเวนคืนกรมธรรม์ คุณจะขาดทุนแน่ๆ หรือบางกรมธรรม์บริษัทจะไม่ยอมคืนค่าเบี้ยประกันที่เราจ่ายไปเลย ถือว่าเงินที่จ่ายไปสูญเปล่า
            ที่สำคัญคุณจะรู้หรือไม่ว่า "โครงการออมพิเศษ" นั้นเป็นการซื้อประกันผ่านบัตรเครดิต แต่เปลี่ยนคำพูด เป็น"การออมเงินผ่านบัตรเครดิต" เพื่อให้ฟังแล้วรู้สึกดูดีกว่าการซื้อประกัน
            ดังนั้นการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน คำๆนี่้ใช้ได้ทุกสถานการณ์



         ขอบคุณข้อมูลดีๆจากคอลัมน์แม่ไม้การเงิน นสพ.โพสต์ทูเดย์ โดยชัตน์วรี